วันศุกร์ที่ ๒ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๐

The Zee Energy: พลังแห่งชีวิต


The Zee Energy: พลังแห่งชีวิต

ชาวโรมาเนียแต่โบราณ มีความเชื่อเกี่ยวกับพลังชีวิต ว่าเป็นพลังงานของพระเจ้าองค์แรกในยุคดึกดำบรรพ์ ผู้ทรงแยกกลางวันกลางคืนและสร้างฤดูกาล พลังนี้ มีชื่อเรียกเป็นภาษาโรมาเนียนว่า “Mi Douvals Zee” หมายความว่า หัวใจแห่งพระเจ้า หรือ ชีวิตแห่งพระเจ้า (The heart, or the life of god) แต่โดยทั่วไปมักเรียกเพียง Zee หรือ ซี มนุษย์ทุกคนจะมีพลังเหล่านี้ซึมซาบอยู่ในทุกอนุภาคของร่างกาย โดยเฉพาะจะรวมตัวกันอยู่อย่างหนาแน่นในเส้นเลือดดำ และเส้นชีพจร รอวันที่จะถูกปลุกขึ้นมาใช้งาน การฝึกฝนจะช่วยให้ได้รับพลังงานเหล่านี้จากธรรมชาติมากขึ้น และสามารถนำพลังออกมาใช้ได้ พลังซีนี้ ถือเป็นหลักการเดียวกันกับพลังชีวิตอื่นๆที่มีชื่อเรียกต่างๆกันไปในแต่ละอาณาเขต เช่น Chi (พลังชีวิต), Prana (พลังปราณ), Viril (พลังทางเพศ หรือพลังแห่งการให้กำเนิด), Telluric energy (พลังแห่งฐานพิภพ) , Earth energy (พลังแห่งโลก) ฯลฯ การฝึกพลังแบบนี้ แบ่งออกเป็นสองขั้นตอนหลักๆดังนี้ครับ


The Zee Energy # 1:The First Step of Zee
พลังแห่งชีวิตขั้นที่ 1 : ก้าวแรกแห่งพลังชีวิต

ก้าวแรกแห่งการมุ่งสู่การฝึกฝนปฏิบัติเพื่อใช้พลังต่างๆนั้น คือการตระหนัก รับรู้ และยอมรับการมีอยู่ของพลังประเภทนั้นๆ สิ่งนี้เป็นสิ่งสำคัญมาก และยังประโยชน์ให้แก่ผู้ฝึกมากกว่าที่คิด แต่ผู้คนส่วนใหญ่มักลืมเลือนไป เนื่องจาก มักคำนึงถึงผลประโยชน์ที่จะได้รับจากการฝึก และจุดมุ่งหมายของการฝึกจนเกินไปนั่นเอง แต่หากผู้ใดได้ตระหนักและยอมรับการมีอยู่ของพลังนั้นๆแล้ว ผู้นั้นก็จะเข้าถึงวิถีแห่งการใช้พลังอย่างสมบูรณ์ นั่นคือ การผ่อนคลาย (Relaxation)

ชาวยิปซีส่วนใหญ่ทำงานหนักมาก (หมายถึงงานทางโลก) แต่เมื่อมีโอกาส พวกเขากลับสามารถใช้พลังได้อย่างเต็มที่ ไม่มีติดขัด เนื่องเพราะพวกเขาได้ตระหนักถึงการคงอยู่ของพลังชีวิตในตัวและพลังชีวิตจากธรรมชาติรอบด้านมาหลายชั่วอายุคน และพวกเขายอมรับพลังดังกล่าวอย่างเต็มที่นั่นเอง
หากคุณคาดหวังว่า เนื้อหาต่อไปนี้จะเป็นการสอนให้คุณรู้จักใช้พลังเวทย์ หรือเป็นการทำให้คุณมีเวทมนต์แล้วล่ะก็ หยุดอ่านแค่ย่อหน้านี้เถอะครับ เพื่อไม่ต้องเป็นการเสียเวลาการค้นหาพลังเวทของคุณ เพราะเนื้อหาในบทความชิ้นนี้ เป็นแค่ผลประโยชน์อันยิ่งใหญ่จากจิตใต้สำนึก ที่ผู้ปฏิบัติจะได้รับ เมื่อได้นั่งปฏิบัติอย่างสงบเพียงสิบหรือยี่สิบนาที ผ่อนคลายทุกส่วนสัด โดยปราศจากการรบกวนจากสิ่งปรุงแต่งทั้งหลายในชีวิต ไม่ว่าจะเป็น การจราจร ชีวิตประจำวัน หรือ โทรทัศน์




The Zee Energy # 2: Quietening the Mind
พลังชีวิตขั้นที่ 2 : การสงบจิตใจ

ในขั้นนี้ จะเริ่มเป็นขั้นตอนแห่งการฝึกฝน มิใช่พื้นฐานทางจิตใจดังเช่นขั้นแรกอีก ดังนั้น จะเขียนแยกเป็นข้อๆ เพื่อให้ง่ายต่อการทำความเข้าใจ และสามารถทำตามได้โดยไม่ข้ามขั้น


1. สถานที่ที่เป็นธรรมชาติเป็นสิ่งสำคัญ – หาที่ไหนสักแห่ง ที่คุณจะรู้สึกสบาย และผ่อนคลายเมื่อได้ไปอยู่ ณ ที่นั้น ที่ซึ่งกายและจิตของคุณได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี สถานที่ๆเหมาะต่อการปฏิบัติที่สุดมิใช่ภายในอาคาร แต่ควรเป็นสถานที่สักแห่งภายนอก จะดีมากหากเราสามารถนอนบนพื้นหญ้านุ่มๆ หรือนั่งพิงต้นไม้ใหญ่ หรือหินก้อนใหญ่ ปูผ้าหรือเบาะนุ่มๆที่นั่งสบายลงไป เพื่อให้เราสามารถนั่งได้อย่างสบายที่สุดเป็นระยะเวลานานๆ และมั่นใจว่าจะต้องไม่มีใครหรือสิ่งใดจากโลกภายนอกมารบกวนเรา ณ ที่แห่งนั้น

2. ในห้องส่วนตัวก็ไม่ใช่จะใช้ไม่ได้ – หากเป็นไปไม่ได้ที่จะใช้สถานที่ในธรรมชาติ เช่น อยู่ในเมืองใหญ่ หรือมีอันตรายข้างนอก หรือสะดวกสบายมากกว่า หากจะปฏิบัติในอาคาร ห้องที่เลือกนั้น ควรมีแสงจากธรรมชาติเข้ามาได้บ้าง และมีอากาศถ่ายเทได้ดี ไม่ร้อนหรือหนาวจนเกินไป ควรปลูกพืชในห้องนั้นบ้าง ให้เลือกพรรณไม้ที่คุณชอบและเป็นต้นไม้ที่เจริญเติบโตค่อนข้างสมบูรณ์ ควรเป็นห้องที่สงบ คุณสามารถอยู่ได้นานๆโดยไม่ถูกรบกวนจากเสียงต่างๆในชีวิตคนเมือง เช่น เสียงโทรศัพท์ เสียงจากการจราจร เสียงวิทยุ ทีวี ฯลฯ (เสียงนก เสียงลม เสียงน้ำไม่เป็นไร) ที่สำคัญคือต้องเป็นห้องที่ต้อนรับคุณ (คุณจะรู้สึกได้เองว่าห้องนั้นต้อนรับหรือไม่จากความรู้สึกชอบหรืออึดอัด) คืออยู่แล้วรู้สึกสบายและผ่อนคลายมากๆ (ไม่เว้นแม้แต่ห้องนอน เพราะคนส่วนใหญ่ฝึกแล้วมักจะหลับไปในช่วงที่สองนี้) ไม่ควรใช้แสงจากไฟฟ้า แต่คุณสามารถจุดเทียนได้ตามต้องการ และอาจจุดกำยาน หรือธูปหรือน้ำมันหอมได้เช่นกัน ซึ่งควรเลือกกลิ่นที่ชอบและทำให้รู้สึกผ่อนคลาย คุณสามารถเปิดเพลงเบาๆได้ถ้ามันจะทำให้คุณรู้สึกผ่อนคลายได้ง่ายและดีขึ้น แต่ต้องเปิดเบาๆแค่พอได้ยินผ่านๆนะครับ และควรเป็นเพลงสำหรับทำสมาธิ หรือสำหรับการผ่อนคลาย หรือบำบัด (อย่างที่ตามสปาชอบใช้)

3. กายสบายจิตก็สบาย – คุณสามารถนั่งหรือนอนฝึกก็ได้ หากจะนั่งพื้น ควรมีเบาะนุ่มๆรองรับและมีที่พิง สามารถเหยียดแขนเหยียดขาได้ตามสบาย หรือถ้าจะนั่งเก้าอี้ ควรเป็นโซฟานุ่มๆที่มีพนักพิง และที่เท้าแขน รวมถึงมีเก้าอี้นุ่มๆสำหรับพาดขาด้วย แต่ท่าที่ผมแนะนำคือท่านอน ให้คุณนอนหงายบนฟูกหรือเบาะที่สบายที่สุด จะหนุนหมอนหรือไม่ก็ได้ตามสบาย (เอาที่สบายที่สุด เพราะการฝึกแบบนี้ไม่ใช่การบำเพ็ญทุกรกิริยา) วางแขนไว้ข้างตัว เหยียดขาตรงโดยแยกขาเล็กน้อยพอสบาย ปล่อยและผ่อนคลายกล้ามเนื้อทุกส่วนของร่างกาย เราจะรู้สึกได้เองว่าเราเกร็งส่วนใดอยู่หรือไม่ ให้คลายให้หมด (ไม่ต้องห่วงว่าจะตกหรือล้ม เพราะเรานอนอยู่แล้ว มันไม่มีทางล้มไปกว่านี้หรอกครับ) เสื้อผ้าที่ใส่ก็พยายามเลือกที่หลวมๆและเป็นผ้าที่ใส่แล้วไม่เกิดความรำคาญ (จะไม่ใส่เลยก็ได้หากมันจะทำให้คุณรู้สึกสบายมากขึ้นไปอีก เพราะเราอยู่คนเดียวอยู่แล้ว)

4. จิตว่างไม่จำเป็นสำหรับการฝึกพลังชีวิต – หลังจากคุณอยู่ในท่าที่สบายที่สุดแล้ว ให้สูดลมหายใจเข้าลึกๆอย่างช้าๆและปล่อยออกยาวๆอย่างช้าๆเช่นกัน (หลังจากนี้ ทุกๆสิ่งที่คุณจะทำ จะทำอย่างช้าๆทั้งหมด ยิ่งช้ายิ่งดี) หายใจเข้าและออกอย่างนี้จนกว่าคุณจะรู้สึกว่าเพียงพอ ไม่ต้องห่วงว่าจะเร็วหรือนานกว่าจะพอ แค่ทำไปเรื่อยๆ เวลาเป็นของคุณแล้ว สิ่งที่สำคัญในช่วงนี้ คือ คุณไม่ต้องพยายามเคลียร์จิตใจหรือห้วงความคิดให้โล่ง ใจคุณอยากจะคิดถึงอะไรก็ปล่อยใจไป ปล่อยให้คิดเรื่องนั้นไปเรื่องเดียว ไม่ใช่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา เช่น ถ้าคุณฝึกในธรรมชาติ คุณอาจรู้สึกเหมือนกำลังมองไปรอบๆ ก็มองไปเถอะ รับรู้ถึงสิ่งที่เห็น ดอกไม้ ต้นหญ้าพลิ้วไสวตามสายลม เสียงนกร้อง เสียงแมลงที่บินไปบินมา หรือถ้าทำในห้องก็จะได้ยินเสียงเพลง และได้กลิ่นต่างๆที่เราจุดขึ้น เป็นต้น

5. เชื่อมต่อตัวเรากับธรรมชาติ – เมื่อมาถึงจุดนี้ จิตใจของคุณจะเริ่มสงบ และสงัด(หมายถึงเงียบ)ลงอย่างช้าๆ การหายใจก็จะถูกปรับระดับลงจนเป็นธรรมชาติมากขึ้น ไม่ต้องห่วงเรื่องหายใจเข้าหายใจออก เพราะนี่ไม่ใช่อาณาปานสติ) ให้ค่อยๆเปลี่ยนเรื่องที่คิด (การแทรกเรื่องที่กำลังจะบอกนี้เข้าไปในความคิดเดิมก็เป็นอีกไอเดียหนึ่งที่ค่อนข้างดี) ใช้จินตนาการของคุณให้เป็นประโยชน์ ให้จินตนาการและรู้สึกตามไปด้วยอย่างช้าๆ ว่าร่างกายของคุณเริ่มอ่อนตัวลง ไม่ใช่ของแข็งอย่างที่เป็น มันค่อยๆละลายลงจนคล้ายเป็นของเหลว กำแพงที่กั้นระหว่างจิตของคุณกับธรรมชาติก็ค่อยๆละลายลงด้วย (ลองนึกถึงไอศกรีมหรือเยลลี่ที่ใส่จานไว้ในห้องและค่อยๆละลายอย่างช้าๆ เรากำลังละลายแบบนั้นแหละครับ) ให้รู้สึกว่าเรากำลังหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติรอบข้างอย่างช้าๆ (ในช่วงนี้หลายๆคนจะมีปัญหาละลายไม่ได้ อย่าท้อครับ วันนี้ไม่ได้ วันหลังก็ได้ ปกติกำแพงอันนี้มักจะหนามากนะครับ สำหรับการหลอมครั้งแรกอาจจะยากหน่อย)

6. ซึมซับพลังชีวิตเพื่อหลอมรวมกับธรรมชาติ – เมื่อมาถึงจุดนี้ จิตและร่างกายของคุณจะผ่อนคลายมากขึ้น และเป็นธรรมชาติมากขึ้น จากนั้นนึกภาพพลังชีวิตในธรรมชาติกำลังส่องแสงเปล่งประกายระยิบระยับแวววาว ซึมซาบอยู่ทั่วไปทั้งในอากาศและในพื้นดินใต้ตัวคุณ ให้รู้สึกถึงพลังงานเหล่านี้ ที่กระจายอยู่ทั่วไปในธรรมชาติรอบๆตัวคุณ พลังเหล่านี้ ไหลเวียนเปลี่ยนผ่านเข้ากับพลังจากร่างกายและจิตของคุณ โดยพลังชีวิตที่ส่องแสงเรืองรองเหล่านั้น จะถูกสูดเข้าไปตามลมหายใจ ลงสู่ปอด เข้าสู่ท้อง และซึมทราบ กระจายไปตามส่วนต่างๆของร่างกาย และไหลผ่านออกมาทางรูขุมขนทั่วร่าง จุดหลักๆที่จะสามารถรู้สึกถึงการไหลเวียนของพลังชีวิตเหล่านี้ได้ดีคือ ที่จักรที่ 7 (บนกระหม่อม) ฝ่ามือ และฝ่าเท้า (พลังชีวิตจะไหลเวียนนะครับ เข้าและออก ไม่ใช่หยุดนิ่งสะสมอยู่ที่ใดที่หนึ่ง หรือจุดเหล่านี้) คุณจะรู้สึกว่ากายและจิตของคุณเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติมากขึ้นเมื่อมาถึงจุดนี้ (หลายๆคนมักจะหลับสนิทไปในช่วงนี้แหละครับ ซึ่งไม่ต้องกังวลครับ ถึงอย่างไร เมื่อมาถึงจุดนี้แล้ว คุณก็ได้รับประโยชน์ไปมากแล้วล่ะครับ)

7. ซึมซับพลังชีวิตเพื่อกายและจิต – ทำต่อเนื่องจากข้อที่ 6 นะครับ แต่หลังจากนี้ ให้จินตนาการและรู้สึกว่า พลังชีวิตยังคงไหลเข้ามาในร่างกายของเราตลอดเวลา แต่ซึมออกนอกร่างกายน้อยลงเรื่อยๆ จนไม่ซึมออกอีกต่อไป ไหลเข้าอย่างเดียวจนเติมเต็มทุกส่วนสัดของกายและจิต ซึมทราบไปทั่วทุกอณูของร่าง เต็มปริ่มอยู่ที่รูขุมขนโดยไปรั่วไหลออกไปไหน ในช่วงนี้ เราจะรู้สึกว่าร่างกายและวิญญาณของเรากำลังเปล่งแสงเรืองรอง เนื่องจากมีพลังชีวิตจากธรรมชาติไหลซ่านมาหล่อเลี้ยงจนอิ่มเอิบไปทั่ว

8. เก็บกักพลังชีวิต – หลังจากร่างกายของคุณเริ่มส่องสว่างจากแสงแห่งพลังชีวิตแล้ว ให้คุณค่อยๆจินตนาการถึงเกราะหรือกำแพงที่ค่อยๆก่อตัวขึ้นอย่างช้าๆ เป็นกำแพงที่บางและงดงามกว่าตอนแรกมาก ซึ่งเราจะสามารถเปิดกำแพงนี้ออกเมื่อไรก็ตามที่ต้องการติดต่อกับธรรมชาติอีกครั้ง ในช่วงนี้ ร่างกายที่อ่อนเหลว ก็ให้จินตนาการว่ามันค่อยๆกลับเป็นของแข็ง เป็นตัวตนของคุณอีกครั้งหนึ่ง โดยเก็บกักพลังชีวิตที่ส่องแสงเรืองรองไว้ภายใน หลังจากนั้น ให้จินตนาการว่า แสงเหล่านั้น ค่อยๆรวมตัวเข้าหากัน เป็นลูกบอลแห่งแสงที่เจิดจ้าอยู่ในร่างกายบริเวณจักรที่4 หรือ Solar plexus (อยู่ที่ท้อง บริเวณกึ่งกลางระหว่างสะดือและลิ้นปี่) ค่อยๆเก็บมันไว้ในร่างกายของคุณโดยจินตนาการว่าบอลนี้ค่อยๆมืดลงจากการถูกห่อหุ้มปกคลุมด้วยร่างกายที่เป็นของแข็งของคุณ นับแต่นี้ไป บอลแห่งแสงนี้จะถูกเก็บอย่างดีและปลอดภัยภายในร่างกายของคุณจนกว่าจะถึงเวลาที่ต้องการใช้มันอีกครั้ง

9. รวมพลัง – สำหรับการฝึกครั้งต่อๆไป ในช่วงที่ 5 ช่วงที่เรากำลังละลายนั้น ให้เราเห็นและรู้สึกถึงบอลแห่งแสงที่ค่อยๆถูกเผยออก และกระจายออกสู่ทุกส่วนสัดของร่างกาย ก่อนจะหลอมรวมและกลมกลืนกับพลังชีวิตในธรรมชาติในช่วงที่ 6

ให้ฝึกตามแบบฝึกนี้เมื่อใดก็ตามที่คุณมีเวลา และสามารถฝึกได้ คุณสามารถฝึกได้ทุกวันโดยไม่เกิดผลเสีย (ดีด้วย) ไม่ต้องกังวลหากคุณไม่สามารถทำมันได้อย่างสมบูรณ์ทุกครั้ง เพราะคุณอาจจะเผลอหลับไปซะก่อน คุณจะไม่เสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์แน่นอน เพราะอย่างน้อย คุณก็จะสามารถหลับได้อย่างสนิทและลึก ซึ่งเป็นการพักผ่อนที่ดีมาก คุณจะรู้สึกได้ถึงความสดชื่นเมื่อตื่นขึ้นหลังจากนั้น เพราะคุณได้พักผ่อนร่างกายและจิตอย่างเต็มที่นั่นเอง ผมขอแนะนำให้ผู้ที่ต้องการฝึก ปรินท์รายละเอียดออกไปอ่านและทำความเข้าใจถึงขั้นตอนต่างๆอย่างละเอียดก่อน ไม่ใช่ทำๆอยู่แล้วต้องตื่นขึ้นมาอ่าน เพราะนอกจากจะไม่เกิดผลแล้ว อาจส่งผลเสียต่อร่างกายและจิตได้

ไม่มีความคิดเห็น: